ตอนที่ 2
ดวงตาของดาอิจิเปิดกว้างขึ้น เขาปักเท้าลงกับพื้น ก่อนจะเหวี่ยงไม้ตีออกไปสุดแรงใส่ลูกเบสบอลที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง จากมุมกล้องสามารถมองเห็นได้ชัดว่าเขาจับไม้ตีในลักษณะที่รัดแน่นขึ้น ราวกับว่าเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าลูกนี้จะถูกขว้างมาในลักษณะนี้
ปัง!
เสียงกระทบกันระหว่างไม้เบสบอลกับลูกบอลดังก้องไปทั่วสนาม ส่งความสั่นสะเทือนผ่านกระดูกสันหลังของเคน ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ในสนามนั้นด้วยตนเอง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังลูกบอลที่ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าอย่างสง่างาม ราวกับมันจะไม่มีวันตกลงมา
“วอล์กออฟโฮมรัน…” เขาพึมพำ
เมื่อบอลพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด มันเริ่มลดระดับลงก่อนจะตกลงไปในกลุ่มผู้ชม หนึ่งในเด็กชายผู้โชคดีเหยียดแขนออกและคว้าลูกบอลแห่งชัยชนะไว้ได้—ของที่เขาจะจดจำไปตลอดชีวิต
“เป็นค่ำคืนที่น่าจดจำที่โตเกียวโดม ขณะที่ทีมไทเกอร์สสามารถโค่นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก NPB ได้อย่างเหลือเชื่อ!”
เสียงของผู้บรรยายค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อเคนจ้องมองจอทีวีโดยไม่กะพริบตา ความตื่นเต้นเมื่อครู่ค่อยๆ ถูกกลืนกินจนเหลือเพียงความว่างเปล่าและความหดหู่ที่กลับคืนมา
บรื๊น! บรื๊น! บรื๊น!
โทรศัพท์ของเขาสั่น ทำให้เขาต้องละสายตาจากจอทีวีชั่วครู่ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นชื่อผู้ส่งข้อความ
“ดาอิจิ…”
ดาอิจิ: เฮ้ เคน! นายเห็นโฮมรันของฉันหรือเปล่า? ทำไมนายไม่มาดูเกมล่ะ? ตั๋วไม่ได้ส่งไปถึงมือเหรอ? เอาเถอะ ไว้เจอกันเร็วๆ นี้นะเพื่อน
เคนจ้องมองข้อความ หัวใจของเขาหนักอึ้ง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดและโทสะ ก่อนจะเหวี่ยงโทรศัพท์ไปกระแทกกับผนังเต็มแรง
เพล้ง!
ทันทีที่เขาปาโทรศัพท์ ความเจ็บปวดจากไหล่ที่อักเสบก็แล่นพล่านไปทั่วร่าง
“อึก…!” เขาร้องออกมาเสียงดัง ขบริมฝีปากแน่นขณะยกมือขึ้นกุมไหล่ แต่ก็ไม่อาจลดทอนความปวดร้าวที่ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาต้องเผชิญได้
เขาทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะขดร่างเข้าหากัน ร่างกายสั่นขณะที่มือข้างหนึ่งกุมไหล่ที่ปวดร้าวไว้แน่น
“พวกนายไม่เข้าใจ…” เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือปะปนกับเสียงสะอื้น
เขานอนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่งความเย็นเยียบแล่นผ่านร่างกายอย่างฉับพลัน ฤดูหนาวได้มาเยือนเต็มตัวแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนธันวาคม และอากาศหนาวจัด
เคนเกลียดฤดูหนาว… ไม่ใช่เพราะหิมะหรือบรรยากาศเทศกาล แต่เพราะอากาศเย็นทำให้บาดแผลที่ไหล่ของเขาปวดระบมยิ่งขึ้น วันเวลาของเขาเต็มไปด้วยความทรมานตลอดช่วงฤดูนี้
เขารีบลุกขึ้นยืน ไม่อยากป่วยเพราะอะไรโง่ๆ อย่างการนอนบนพื้นเย็นเฉียบ ถึงแม้คริสต์มาสจะใกล้เข้ามา แต่เขาก็ยังมีงานที่ต้องส่งภายในสิ้นเดือนอีกมาก
เขากวาดตามองไปที่นาฬิกา ตัวเลข 00:30 น. ปรากฏอยู่บนหน้าปัด
“อีกแค่ห้าชั่วโมงเองงั้นเหรอ?” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยล้า
เพราะดื่มเหล้าในคืนนี้ เขาจะได้นอนเพียงห้าชั่วโมงก่อนต้องตื่นไปทำงาน อาการปวดศีรษะจากแอลกอฮอล์เริ่มแผ่ซ่าน เสริมเข้ากับความเจ็บปวดที่ไหล่
ทั้งสองอย่างร่วมกันบรรเลงท่วงทำนองแห่งความทรมาน ราวกับเป็นเพลงที่ไม่มีวันจบสิ้น
“ยาแก้ปวดของฉันอยู่ไหน?” เคนพึมพำออกมา ความเจ็บปวดเล่นงานเขาจนแทบจะเป็นลม
โชคดีที่หลังจากค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พบขวดยาในถุงของตน เขาหมุนฝาขวดออกโดยแทบไม่ต้องมอง ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงไป
มันเป็นยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์แรง เพียงเม็ดเดียวก็สามารถบรรเทาความทรมานของเขาได้นานหลายชั่วโมง แพทย์เคยเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ห้ามรับประทานเกินปริมาณที่กำหนด แม้ว่าความเจ็บปวดจะยังไม่บรรเทาลงก็ตาม
แน่นอนว่าเคนไม่ได้โง่ แม้ว่าเขาจะรู้สึกทุกข์ทรมานเพียงใด แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมทิ้งชีวิตไปเพราะยาแก้ปวด
เมื่อนึกถึงคำเตือนของหมอ เคนแค่นหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือกลับเข้าไปในถุงของตน ปัญหาอย่างเดียวของยาแก้ปวดก็คือ มันมักทำให้เขานอนไม่หลับ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อมิโลโทนิน (Melatonin) ยานอนหลับจากสารธรรมชาติมาช่วย
ช่วงแรกมันได้ผลดีมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ต้องเพิ่มปริมาณยาเรื่อยๆ มิฉะนั้นมันจะไม่ได้ผลอีกต่อไป
ด้วยความเคยชิน เขาหยิบยาออกมาหกเม็ด ก่อนจะกลืนมันลงไปพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว จากนั้นเขาตัดสินใจเข้านอน หากเขายังนั่งต่อไปอีกเพียงนิดเดียว เวลานอนห้าชั่วโมงที่มีอยู่ก็คงลดลงไปอีก
แต่ทันทีที่ศีรษะสัมผัสหมอน ภาพตรงหน้าของเขาก็เริ่มหมุนวน
“อะไรกัน…?” เขาพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก ความหวาดกลัวแล่นพล่านไปทั่วร่าง
หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วอย่างผิดปกติ ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงถึง 200 ครั้งต่อนาที ราวกับว่ามันจะกระเด็นออกมาจากอก
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเดินไปที่ถุงของตน หวังว่าตัวเองอาจจะหยิบยาผิด แต่ไม่สิ… นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ในถุงของเขามียาอยู่เพียงแค่สองชนิด—ยาแก้ปวดกับมิโลโทนินเท่านั้น
ในสภาพที่มึนงง เคนไม่สามารถเชื่อมโยงความคิดได้อย่างถูกต้อง เขาค่อยๆ เดินโซเซข้ามห้องไปที่ถุง ก่อนจะเห็นกระปุกยาสองกระปุกที่เหมือนกันทุกประการ
กระปุกของมิโลโทนินยังคงเต็มไปด้วยเม็ดยา ในขณะที่กระปุกของยาแก้ปวด… ว่างเปล่า
เคนกะพริบตา หลายครั้ง พยายามเร่งความคิดให้ทันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“พรุ่งนี้… ฉันมีนัดหมอ… เพื่อเอายาเพิ่ม…” เขาพูดเสียงเบา ลมหายใจเริ่มติดขัด วิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัว
และในตอนนั้นเอง… เขาก็เข้าใจทุกอย่าง
เขาหยิบยาผิด—แทนที่จะเป็นมิโลโทนิน เขากลับกลืนยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์รุนแรงเข้าไปถึงหกเม็ด
ร่างของเขาทรุดลงสู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง มือยังกำกระปุกยาเปล่าไว้แน่น ขณะที่สติเริ่มเลือนราง ความคิดของเขาก็ล่องลอยไปยังอดีตอันห่างไกล—ช่วงเวลาที่เขายังเต็มไปด้วยความหวังและความสุขของวัยเยาว์
ช่วงเวลาก่อนที่อาการบาดเจ็บที่ไหล่จะพรากเบสบอลไปจากชีวิตของเขา
“ถ้าฉันมีโอกาสอีกสักครั้ง…” เขาพึมพำ ก่อนจะปล่อยลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา