ตอนที่ 3
เสียงนกร้องก้องไปทั่ว บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความสงบและผ่อนคลาย แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่าน เติมเต็มห้องด้วยประกายอบอุ่นของรุ่งอรุณ
*บรื๊น! บรื๊น! บรื๊น!*
บรรยากาศอันเงียบสงบถูกทำลายลงโดยเสียงปลุกอันดังและน่ารำคาญ เคนขมวดคิ้วก่อนจะพลิกใบหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิด ตามสัญชาตญาณ เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์เพื่อกดปิดเสียงปลุก
ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขาคลำหามันไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย พยายามควานหาสิ่งที่ส่งเสียงน่ารำคาญนั่น ทว่าแม้จะใช้เวลานานเป็นนาที เขากลับไม่พบมันเลย
“เคน! ปิดนาฬิกาปลุกแล้วลุกขึ้นมาได้แล้ว ลูกจะไปโรงเรียนสายแล้วนะ!”
“ขออีกห้านาที…” เขาครางออกมาเสียงอู้อี้ ก่อนจะดึงหมอนมากดทับศีรษะ หวังใช้มันปิดกั้นเสียงรบกวน
ศีรษะของเขาปวดตุบๆ ความรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีใครกำลังใช้มีดกรีดสมองแล้วบิดเล่นเป็นระยะๆ เขาผ่านอาการเมาค้างมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าครั้งไหนๆ ไม่เพียงแต่ปวดหัว ริมฝีปากและลำคอของเขายังแห้งผาก ราวกับความชุ่มชื้นทั้งหมดถูกดูดออกไปจากร่างกาย
ก่อนที่เขาจะสามารถเรียบเรียงความคิดให้เป็นรูปเป็นร่าง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก
*แกร๊ก*
เสียงนาฬิกาปลุกหยุดลงในวินาทีนั้นเอง เคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แล้วนี่ลูกจะนอนต่ออีกนานแค่ไหนกันคะ คุณชาย?”
เสียงผู้หญิงที่เข้มงวด แต่แฝงไปด้วยความคุ้นเคยดังทะลุผ่านหมอนที่เขาใช้ปิดศีรษะ เสียงนั้นทำให้เขาตื่นเต็มตาในทันที
เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของ แม่ของเขา…
ความรู้สึกหวาดหวั่นแปลกประหลาดแล่นวาบขึ้นมาจากท้อง เคนดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยอัตโนมัติ ราวกับสัญชาตญาณบอกให้เขาทำเช่นนั้นก่อนที่จะต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของแม่
“ผมตื่นแล้ว!” เขาร้องออกมา ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น เขากลับพบว่าหญิงตรงหน้ากำลังมองเขาอยู่ด้วยมือที่เท้าเอว
แต่แทนที่จะมีท่าทีโกรธเกรี้ยว บนใบหน้าของเธอกลับมีเพียงรอยยิ้มขบขัน
“เฮ้อ… ทำไมลูกถึงตื่นยากแบบนี้ทุกเช้าเลยนะ” เธอบ่นเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกมาลูบศีรษะของเขาเบาๆ
“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ แม่จะเตรียมอาหารเช้าให้” น้ำเสียงของเธออบอุ่นและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เคนกะพริบตาอยู่หลายครั้ง สมองของเขาพยายามประมวลผลสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสับสน ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“นี่มันอะไรกัน…? ทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่?” เขาถามตัวเองในใจ
แล้วทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นและเปียกชื้นบนใบหน้า หยดน้ำไหลลงมาตามแก้มจนถึงริมฝีปาก
เขายกมือขึ้นสัมผัสมัน… น้ำตา
“โอ๊ะ! ลูกร้องไห้ทำไม? รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?” แม่ของเขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ก่อนจะยื่นหลังมือมาแตะหน้าผากของเขา เธอหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล ก่อนจะดึงมือกลับ
“อืม… ไม่มีไข้นะ เอาแบบนี้ไหม? วันนี้ลูกอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ แม่จะโทรไปแจ้งที่โรงเรียนว่าลูกไม่สบาย”
“โรงเรียน!?”
สมองของเคนหมุนคว้าง เขาเป็นชายวัย 24 ปีแล้ว ทำไมเขาถึงต้องไปโรงเรียน?
ใบหน้าของเขาเริ่มขึ้นสี ดวงตาสั่นไหว สมองของเขาพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น…
นี่มันอะไรกันแน่!?
ม-ไม่เป็นไรครับ ผมไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เลย” เคนพูดเสียงสั่น พลางเมินเฉยต่ออาการปวดหัวที่เต้นตุบๆ ก่อนจะดีดตัวลงจากเตียง
แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น เขาก็เสียการทรงตัวเกือบล้มหน้าคว่ำ ราวกับว่าสัดส่วนของร่างกายไม่เป็นอย่างที่เขาคุ้นเคย ขาของเขาสั้นกว่าปกติ!?
เคนพยายามตั้งหลัก ก่อนจะยันตัวขึ้นมาได้ในวินาทีสุดท้าย เขาไม่พูดอะไรต่อ รีบพุ่งตรงเข้าห้องน้ำโดยไม่ลังเล
*ปัง!*
เขาปิดประตูอย่างแรง หัวใจเต้นระรัวเป็นจังหวะเดียวกับความปวดที่แล่นไปทั่วศีรษะ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พยายามเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาหมุนก๊อกน้ำและเริ่มล้างหน้าตามสัญชาตญาณ หวังว่า น้ำเย็น จะช่วยทำให้ความมึนงงจางหายไปบ้าง หลังจากใช้เวลาอยู่หน้าก๊อกน้ำประมาณหนึ่งนาที เขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
จนกระทั่งเขาเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก
“อะไรวะเนี่ย…!?”
เคนเกือบหลุดสบถออกมา แต่ก็กลืนคำพูดกลับไปเมื่อนึกได้ว่าแม่ยังอยู่ในห้องข้างนอก ทว่านั่นไม่ได้ทำให้ความตกตะลึงของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขาจ้องมองเงาสะท้อนตรงหน้า ราวกับว่าตัวเองเพิ่งเห็นผี
ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์และสดใสอย่างน่าประหลาด แม้ว่าจะซีดเล็กน้อยเพราะอาการปวดหัว แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยพลังแห่งวัยเยาว์ แก้มที่เคยซูบตอบและรอยคล้ำใต้ตาหายไปหมดสิ้น สิ่งที่แทนที่คือใบหน้าที่มีโครงหน้าคมคาย และดวงตาที่ดูแน่วแน่
เคนกระพริบตาหลายครั้งก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?”
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างดูแปลกประหลาดไปหมด เขาพยายามนึกย้อนกลับไปว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
“อ้อ…”
ราวกับมีหลอดไฟสว่างวาบขึ้นมาในหัวของเขา…
ม่านหมอกแห่งความทรงจำที่พร่ามัวเริ่มเปิดออก เคนสั่นสะท้านเมื่อนึกถึง การใช้ยาเกินขนาดเมื่อคืนก่อน
เขายกมือขึ้นไปกุมไหล่ขวาตามสัญชาตญาณ นวดมันเบาๆ…
“หะ…?”
ไม่มีความเจ็บปวด—ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของอาการบาดเจ็บ!